เหตุผลที่ควรเรียนต่อยุโรป – ยุโรปเป็นทวีปที่น่าศึกษาที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีความสะดวกสบายทั้งในแง่การใช้ชีวิต การเดินทาง โอกาสการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่แปลกใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์ การทำงานระหว่างเรียนหรือหลังสำเร็จการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเรียน นักศึกษา การเรียนต่อยุโรปน่าดึงดูดมากเพราะมีชื่อเสียงในความเป็นเลิศทางวิชาการ สวัสดิการและนโยบายการสนับสนุนนักศึกษาต่างชาติอย่างเท่าเทียมราวกับเป็นพลเมืองของประเทศนั้นๆ นี่คือ 10 เหตุผลหลักที่ควรพิจารณาศึกษาต่อในยุโรป
1. ความหลากหลายของสาขาวิชาและสถาบัน
ตัวเลือกด้านการศึกษาต่อมีอยู่มากมายในประเทศยุโรปกว่า 50 ประเทศ มีสาขาวิชาที่น่าสนใจหลากหลาย เป็นต้นกำเนิดวิชาการและศาสตร์ที่มีอิทธิพลต่อโลกปัจจุบันและอนาคต เช่น สังคมศาสตร์ ปรัชญา วัฒนธรรม ศิลปะและออกแบบ หรือรัฐศาสตร์และกฎหมาย รวมถึงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านต่างๆ ระบบสถาบันในยุโรปมีความหลากหลาย เปิดกว้าง รองรับทุกความต้องการ ส่วนมากเรามักจะพบสถาบันหรือโรงเรียนเฉพาะทาง เช่น สถาบันด้านการบริหารธุรกิจ โรงเรียนการโรงแรม โรงเรียนศิลปะ สถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ สถาบันแฟชั่น สถาบันด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ เช่น สถาบันการบินและอวกาศ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ว่าเราไม่สามารถจัดอันดับมหาวิทยาลัยในยุโรปไว้ในการจัดอันดับทั่วไปได้ (Global Ranking) เพราะว่าแต่ละสถาบันมีความเชี่ยวชาญและความเป็นเลิศทางวิชาการที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง เพราะฉะนั้นผู้สนใจเรียนต่อยุโรป ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ระบบการศึกษาและความหลากหลายของสาขาวิชาในยุโรปโดยเฉพาะ
2. ชื่อเสียงระดับโลกในด้านความเป็นเลิศทางวิชาการ
มหาวิทยาลัยในยุโรปให้ความสำคัญกับคุณภาพการศึกษาเป็นอย่างมาก และมีระบบการศึกษาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก มีนักวิจัยที่มีชื่อเสียง ที่สร้างผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในวงกว้าง รัฐบาลในประเทศยุโรปมีนโยบายพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยทุ่มงบประมาณแผ่นดินไม่ต่ำ 5-8% ของ GDP ประเทศในการปรับปรุงระบบการศึกษา ทั้งการพัฒนาสถานศึกษาและบุคลากร การอุดหนุนโครงการวิจัย และดึงดูดนักศึกษาและนักวิจัยจากทั่วโลก พร้อมให้สวัสดิการช่วยเหลือการใช้ชีวิต
ปัจจัยชี้วัดที่สำคัญคุณภาพการศึกษา ไม่ใช่ดูแค่ Ranking จากเว็บไซต์ต่างๆ แต่ต้องดูผลงานวิจัยในสาขาต่างๆ ที่ส่งเสริมสังคม สถาบันวิจัย หรือนักวิจัยที่มีชื่อเสียง บริษัทหรืออุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของประเทศนั้น และข้อมูลที่ง่ายที่สุดที่อาจใช้ประกอบการตัดสินได้คือจำนวนผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลในสาขาต่างๆ ทั้งการแพทย์ เคมี ฟิสิกส์ เศรษฐศาสตร์ หรือแม้กระทั่งวรรณกรรม
3. คุณภาพชีวิตนักศึกษาที่ดี
คุณภาพการศึกษาของคุณควรมีความสำคัญสูงสุด และดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ยุโรปถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางของความเป็นเลิศด้านวิชาการจากทั่วโลก แต่วิชาการไม่ใช่เหตุผลเดียวที่คุณควรไปเรียนต่อยุโรป เพราะยุโรปมีชื่อเสียงในด้านวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่หลากหลาย เช่น การมีแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนที่หลากหลายและเข้าถึงได้ เช่น พิพิธภัณฑ์ในประเทศยุโรปที่นักศึกษามักเข้าชมได้ฟรีหรือจ่ายค่าเข้าในราคาที่พิเศษมากๆ มีห้องสมุดขนาดใหญ่ประจำเมืองที่สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่สำคัญได้ พร้อมทั้งมีสื่อ มัลติมีเดียที่น่าสนใจสำหรับการเรียนรู้และพักผ่อนอีกด้วย หรือการที่ประเทศยุโรปมักจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมตลอดทั้งปี เช่น เทศกาลดนตรี ภาพยนตร์ คอนเสิร์ต งานแฟร์หรือการแสดงผลงานทางวิชาการและศิลปะต่างๆ ที่จัดขึ้นตลอดทั้งปี รวมถึงสถานศึกษาต่างๆ ก็มักจะมีชมรมต่างๆ ที่จัดกิจกรรมสันทนาการหรือการทัศนศึกษาสำหรับนักศึกษาอีกด้วย และยังรวมถึงค่าครองชีพด้านอาหารการกินที่ไม่ได้สูงอย่างที่คิด (ถ้าไม่นับเรื่องค่าที่พัก) ถ้าซื้อของตามร้านค้าหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตมี สินค้าอุปโภค บริโภคหลายอย่างก็ราคาใกล้เคียงกับบ้านเรา
ที่สำคัญที่สุดคือนโยบายอุดหนุนนักศึกษาต่างชาติของรัฐบาลประเทศยุโรปที่ช่วยเหลือตั้งแต่ค่าเล่าเรียน(ที่ไม่ได้แพงอย่างที่คิด) ค่าที่พัก(หลายประเทศ รัฐบาลอุดหนุน) ค่าเดินทางต่างๆ (ทั้งในชีวิตประจำวันหรือการท่องเที่ยว) หรือเรื่องประกันสุขภาพนักศึกษา และการสนับสนุนการทำงานเสริมของนักศึกษาต่างชาติ(มีหน่วยงานช่วยจัดหางานโดยรัฐบาล) การช่วยเหลือหรือำนวยความสะดวกด้านเอกสาร เช่น การเปิดบัญชีธนาคาร การยื่นเอกสารประกัน ฯลฯ ทำให้ยุโรปขึ้นชื่อว่าเป็นทวีปที่ให้สวัสดิการนักศึกษาต่างชาติดีที่สุดในโลก และทำให้นักศึกษาที่เรียนต่อยุโรป “มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้เรียน ได้เที่ยว มี Life balance”
4. วัฒนธรรมที่หลากหลายและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ
ประวัติศาสตร์อันยาวนานของยุโรปได้สร้างชื่อเสียงให้กับโลก มีทฤษฎีและแนวคิดต่างๆ มากมาย และบางส่วนก็เชื่อมโยงกันในยุโรป ไม่เพียงแต่ในด้านวิชาการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านอื่นๆ เช่น การเมือง ปรัชญา เศรษฐศาสตร์ และอื่นๆ เมืองในยุโรปหลายแห่งมีความโดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมระดับโลกและประวัติศาสตร์อันยาวนานที่ทำให้การศึกษาในสถานที่เหล่านี้เป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าอัศจรรย์
แน่นอนว่านอกจากการเรียนวิชาการที่เข้มแข็งในห้องเรียนแล้ว นักศึกษาจะมีโอกาสได้ท่องเที่ยว เรียนรู้ ค้นพบประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและศิลปะที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยการเดินทางที่สะดวก ในราคาพิเศษสำหรับนักศึกษา ทำให้นักศึกษาทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสการเรียนรู้นอกห้องเรียนได้อย่างแน่นอน
5. การศึกษายุโรปที่มุ่งเน้นการสร้างอนาคตที่ยิ่งใหญ่
ยุโรปมีวิสัยทัศน์ยาวไกลสู่โลกแห่งอนาคต มหาวิทยาลัยต่างๆ นำเสนอหลักสูตรที่ทันสมัยแก่นักศึกษาเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากำลังสร้างผู้นำในอนาคต
ยุโรปมุ่งมั่นและตั้งใจปฏิบัติตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยสหประชาชาติ (SDGs) เช่น หลายประเทศในยุโรปรวมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาที่ยั่งยืนไว้ในการศึกษาภาคบังคับ มหาวิทยาลัยหลายแห่งเปิดหลักสูตรทั้งด้าน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคมศาสตร์ที่มุ่งเน้นไปสู่ความยั่งยืน เช่น ปริญญาโทด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน หลักสูตรการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือหลักสูตรการบริหารจัดการธุรกิจอย่างยั่งยืน หลักสูตรรัฐศาสตร์หรือเศรษฐศาสตร์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ยุโรปถูกมองว่าเป็นผู้นำระดับโลกด้านสิ่งแวดล้อม การรีไซเคิลและการจัดการของเสีย และแต่ละประเทศก็มีจุดเด่นต่างกัน เช่น เยอรมนีและฝรั่งเศสโดดเด่นเรื่องพลังงานทดแทน ด้านการเกษตร ด้านอาหาร เนเธอร์แลนด์มีชื่อเสียงด้านการจัดการผังเมืองและระบบประปา เป็นต้น
6. โอกาสในการทำงาน
ประสบการณ์การใช้ชีวิตในต่างประเทศมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทขนาดใหญ่และขนาดเล็กต่างก็มองหาพนักงานที่ผ่านการศึกษาหรือการใช้ชีวิตในต่างประเทศ หลายสถาบันในยุโรปช่วยนักศึกษาต่างชาติในการฝึกงานและโอกาสในการจ้างงาน และโดยสภาพเหนือรัฐของ EU และระบบ Schengen ทำให้โอกาสในการฝึกงานหรือทำงานก็กว้างไปทั่วยุโรป ไม่ได้จำกัดเฉพาะในประเทศที่ผู้เรียนศึกษาต่อเท่านั้น หลายประเทศในยุโรปให้วีซ่าพิเศษสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่สำเร็จการศึกษา เพื่ออยู่ต่อและหางานโดยเฉพาะยาวนานถึง 1 ปี หรือให้วีซ่าพิเศษสำหรับศิษย์เก่าให้กลับไปหางานในยุโรปหลังจากกลับประเทศบ้านเกิดตนเองได้อีกด้วย
ยุโรปเป็นที่ตั้งบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ในหลากหลาย อุตสาหกรรม เช่น แบรนด์แฟชั่น เครื่องสำอางจากฝรั่งเศส รถยนต์ที่มีชื่อเสียงจากเยอรมนี เสื้อผ้าจากอิตาลี ฯลฯ นั่นหมายความว่าผู้เรียนมีโอกาสทำงานหรือฝึกงานกับบริษัทระดับโลกผ่านงาน Job Fair หรือหน่วยงานช่วยเหลือด้านอาชีพของมหาวิทยาลัยที่ศึกษาอยู่ หรือแม้กระทั่งเครือข่ายศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยที่กระจายอยู่ในบริษัทหรืองค์กรในทั่วโลก
และถ้าพูดถึงโอกาสในการทำงานนอกเวลา หลายประเทศในยุโรปอนุญาตให้นักศึกษาต่างชาติทำงานนอกเวลาระหว่างเรียนได้ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขบางประการ เช่นมักมีข้อจำกัดเรื่องชั่วโมงการทำงาน ปีละไม่เกิน 960 ชั่วโมง หรือสัปดาห์ละประมาณ 20 ชั่วโมง โดยมีหน่วยงานทั้งของภาครัฐและของสถานศึกษาเองที่ช่วยนักศึกษาหางานนอกเวลาประเภทต่างๆ ที่เหมาะกับโปรไฟล์ผู้เรียน เช่น งานในร้านอาหาร งานในห้องสมุด งานเลี้ยงเด็ก งานห้างสรรพสินค้า กิจกรรมชุมชน ฯลฯ นักเรียนสามารถหางานที่ให้ผลตอบแทนดี ช่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาบางส่วนได้
8.การเดินทางและโครงสร้างพื้นฐานที่เพียบพร้อม
ระบบขนส่งมวลชนในยุโรปเชื่อมต่อกันแบบไร้พรมแดน (Borderless) เช่นเราสามารถเดินทางข้ามประเทศจากอังกฤษ(ลอนดอน) ไปปารีส (ฝรั่งเศส) ในเวลา 2 ชั่วโมงด้วยรถไฟความเร็วสูง เราสามารถนั่งรถไฟข้ามประเทศอิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ เยอรมนีได้ภายในค่อนวัน เราสามารบินจากฝรั่งเศสไปบาร์เซโลน่าของสเปนได้ภายในไม่เกิน 2 ชั่วโมง
ยุโรปให้โอกาสมากมายในการท่องเที่ยว แม้แต่นักเดินทางที่มีงบประมาณจำกัด วีซ่านักเรียนที่ออกโดยหลายประเทศในยุโรป ช่วยให้คุณสามารถเดินเยี่ยมชมประเทศอื่น ๆ ทั้งภายในและภายนอกพื้นที่เชงเก้นได้บางประเทศ ในงบประมาณที่จำกัด (ราคาตั๋วสำหรับนักศึกษา ถูกมากกว่า 1-3 เท่าของราคาปกติ)
9. คุณสามารถเรียนภาษาอังกฤษและเรียนภาษาอื่นได้
ในประเทศแถบยุโรปส่วนใหญ่ ความสามารถทางภาษาอังกฤษโดยทั่วไปจะสูงมาก โดยมีหลักสูตรและปริญญาหลายพันหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ การเลือกเรียนในประเทศใหม่หมายความว่าคุณสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและเรียนรู้ที่จะสื่อสารในภาษาใหม่ทั้งหมด นั่นหมายความว่าแม้ว่าคุณจะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ในยุโรป แต่คุณยังมีทางเลือกในการเรียนรู้มากกว่า 20 ภาษา เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน สเปน และโปแลนด์ เมื่อคุณเรียนรู้ภาษาใหม่ คุณจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมใหม่ ซึ่งจะเป็นการเปิดใจของคุณสู่โลกใบใหม่ คุณจะเพิ่มอาชีพของคุณด้วยการเรียนรู้ภาษาใหม่
10. ค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพไม่แพงอย่างที่คิด
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา และอื่นๆ ค่าเล่าเรียนที่เรียกเก็บโดยมหาวิทยาลัยของรัฐส่วนใหญ่ในยุโรปนั้นถูกกว่า ในบางประเทศในยุโรปไม่มีค่าเล่าเรียน นอกจากนี้ นักศึกษาสามารถขอทุนการศึกษาและโอกาสได้รับการสนับสนุนทางการเงินอื่น ๆ ทั้งที่เป็นสวัสดิการจากรัฐบาล จากสถานศึกษา หรือภาคเอกชน
ตัวอย่างเช่น ค่าเล่าเรียนเฉลี่ยในฝรั่งเศสสำหรับมหาวิทยาลัยของรัฐบาลอยู่ที่ 200-3770 ยูโรต่อปี หรือประมาณ 7000 – 135 000 บาท หรือมหาวิทยาลัยรัฐหลายแห่งในแถบสแกนดิเนเวีย (นอร์เวย์ ฟินแลนด์ สวีเดน ไอซ์แลนด์) อาจไม่มีค่าเล่าเรียน
ในส่วนของค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุดในการใช้ชีวิตนักศึกษา คือ ค่าที่พัก(หอพัก) ซึ่งอาจจะสูงถึง 500-800 ยูโรต่อเดือน แล้วแต่ขนาดของเมือง แต่โดยปกติมักจะมีหอพักนักศึกษาโดยรัฐบาล(ปกติจะถูกกว่ามาก ประมาณ 200-400 ยูโร) ต่อเดือน แต่ก็มักจะมีจำกัดและเป็นที่ต้องการสูง ในขณะที่บางประเทศมีนโยบายอุดหนุนช่วยค่าหอพักสูงถึง 30-60% สำหรับนักศึกษาต่างชาติ
ในเรื่องของอาหารการกินก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิด ถ้าซื้อวัตถุดิบมาปรุงเอง หลายอย่างราคาใกล้เคียงบ้านเรา ถ้าทานในร้านอาหารทั่วไปมักจะแพงกว่าพอสมควร (เฉลี่ยมือละ 10-20 ยูโร) ในขณะที่บางประเทศมีร้านสวัสดิการนักศึกษาที่กระจายอยู่ทั่วเมือง สามารถทานอิ่มได้ในราคาต่ำกว่า 2-3 ยูโร ไว้มีโอกาสจะลงรายละเอียดเรื่องค่าครองชีพให้อีกครั้ง
อยากเรียนต่อยุโรป? ปรึกษาเรา PWK ทีมงานมืออาชีพแนะแนวการศึกษาต่อยุโรปครบวงจร…
Leave a Reply